
กรุงเทพ: วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) โดยสำนักงานกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) “จัดงานพิธีมอบทุนสนับสนุนผู้ประกอบการ TED Fund Grant Day 2025” ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี การจัดงานครั้งนี้ได้รับเกียรติอย่างสูงจาก คุณวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มาร่วมเป็นประธานพิธีเปิดงานและมอบทุนสนับสนุนผู้ประกอบการ และยังมีคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ , เครือข่ายร่วมพัฒนาผู้ประกอบการ TED Fellow เข้าร่วมงาน น.สพ.ดร.สนัด วงศ์ทวีทอง ผู้จัดการกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยถึง ความสำเร็จในการดำเนินงานของ “กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๘” ว่า ผู้ประกอบการที่ได้รับทุนสนับสนุนฯ ครั้งนี้ ล้วนเป็นผู้ที่มีศักยภาพอย่างสูง ในการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ จนสามารถกลายเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ให้กับประเทศไทยได้ในอนาคต ส่งผลให้การ “จัดงานพิธีมอบทุนสนับสนุนผู้ประกอบการ TED Fund Grant Day 2025” กลายเป็นเวทีสำคัญในการเผยแพร่ผลดำเนินงานของกองทุนในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งด้านการส่งเสริมเงินทุน การบ่มเพาะศักยภาพ การต่อยอดธุรกิจ และการสนับสนุนระบบนิเวศของผู้ประกอบการเทคโนโลยีไทย ในปี พ.ศ. 2568 นี้ TED Fund ยังคงเดินหน้าตามนโยบาย “กองทุนชั้นนำในการพัฒนาศักยภาพ และสนับสนุนผู้ประกอบการเทคโนโลยี นวัตกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ซึ่งได้สนับสนุนผู้ประกอบการ และStartup รวมจำนวน 282 ราย ผ่านเงินทุนสนับสนุนรวมกว่า 272 ล้านบาท ครอบคลุม 13 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ผ่าน 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการยุววิสาหกิจเริ่มต้น (TED Youth Startup) ที่มุ่งสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากนิสิตนักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ และผู้ประกอบการนิติบุคคล ภายใต้ความร่วมมือของเครือข่าย TED Fellow ทั่วประเทศ โดยมีนิสิตนักศึกษา และผู้ประกอบการได้รับทุน TED Youth Startup รวม 216 โครงการ คิดเป็นมูลค่าทุนสนับสนุน 154,538,167 ล้านบาทนอกจากนี้ ยังมีโครงการส่งเสริมการขยายตลาดและธุรกิจ (TED Market Scaling Up) ที่มุ่งผลักดันผู้ประกอบการนวัตกรรมที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการอยู่แล้ว ให้สามารถออกไปขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ปัจจุบันมีผู้ประกอบการได้รับทุน จำนวน 55 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินสนับสนุน 98,863,015 ล้านบาท สุดท้าย คือ โครงการพัฒนาภาคเอกชนเพื่อยกระดับระบบนิเวศผู้ประกอบการ (Startups for Startups) ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญ และภาคเอกชน เข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดัน Startup ไทย โดยปี 2568 นี้ มีผู้ประกอบการได้รับทุนจำนวน 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่าทุนสนับสนุน 19,273,000 ล้านบาท“โดยตลอดระยะเวลา 9 ปี ในการดำเนินงาน TED Fund ก็ได้ทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นจำนวนกว่า 1,400 โครงการ มูลค่าทุนสนับสนุนกว่า 1,300 ล้านบาท และในปี 2568 สามารถสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม รวมมูลค่ากว่า 1,110 ล้านบาท ดังนั้นผู้ที่ได้รับทุนในปีนี้ ถือว่าเป็นกำลังสำคัญรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาพัฒนา ช่วยผลักดันประเทศไทย ให้กลายเป็นประเทศแห่งศูนย์กลางของเทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนต่อไป” น.สพ.ดร.สนัด กล่าวเพิ่มเติมหลังจากความสำเร็จปีนี้ TED Fund ยังคงเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนเงินทุนสนับสนุนในปี 2569 เป็น 300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่กว่า 300 ราย พร้อมเสริมแกร่งในด้านการพัฒนาศักยภาพ องค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจ การสร้างเครือข่ายธุรกิจ และการเชื่อมโยงกับภาคเอกชน นักลุงทุนต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนTED Fund ยังคงเดินหน้าสนับสนุนครอบคลุมทั้ง 13 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล การแพทย์และสุขภาพ เกษตรสมัยใหม่ และในปี 2569 เรามีเป้าหมายในการสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมมุ่งเน้นเพิ่มเติม จำนวน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อชีวิตเมืองและชุมชน (Urban Living Innovation)เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตเมืองและชุมชน การแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานหรือบริการสาธารณะ ที่เชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ของผู้คนในทุกมิติ เช่น การจัดการของเสีย (Waste Management) การบริหารจัดการจราจร (Traffic Management) การดูแลคุณภาพอากาศ (Air Quality) การจัดการน้ำ (Water Management) รวมถึงการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เมืองน่าอยู่ (Livable City) ความปลอดภัยสาธารณะ และบริการดิจิทัลสำหรับการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในชุมชนเมืองและกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative industries) ซึ่งอุตสาหกรรมนี้มีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) และการส่งออก Soft Power ของประเทศ อีกทั้งยังเป็นเวทีสำคัญในการเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่และผู้มีความสามารถเฉพาะด้านได้แสดงออก พัฒนาแนวคิดใหม่ และเติบโตเป็นผู้ประกอบการสร้างสรรค์ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว น.สพ.ดร.สนัด กล่าวทิ้งท้าย###







