บินกลับมาเมืองไทยก่อนกำหนดเพราะคุณพ่อต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจด่วน โดยนางเอกสาว “ปู ไปรยา” เผยว่าตอนนี้คุณพ่อปลอดภัยดีแล้ว แม้จะโกอินเตอร์ไปเซ็นสัญญากับโมเดลลิ่งต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังลุยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในองค์การสหประชาชาติ ดูท่าเหมือนทุกอย่างจะราบรื่น แต่ขณะเดียวกันก็มีเรื่องราวดราม่าชวนปวดหัว ทั้งปมปัญหาเรื่องความรักกับแฟนหนุ่ม “แมทธิว” และประเด็นฉาวกับนาฬิกาแบรนด์หรู ล่าสุดสาวปูเปิดใจถึงกรณีที่เกิดขึ้นหลังเสร็จงานแถลงข่าวนิทรรศการภาพถ่าย ”รักไร้พรมแดน” หรือ “Love is Boundless” ณ ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
“ปูชี้แจงทุกอย่าง อย่างชัดเจนแล้ว ปูก็เป็นมืออาชีพที่จะไม่เอาเรื่องในห้องประชุมออกผ่านสื่อฯ ก็ทิ้งไว้ให้ทีมทนายและทางกฎหมายจัดการต่อ จริงๆ มีความรู้สึกค่อนข้างดีและมีความเป็นมืออาชีพกับเรื่องนี้ ต้องรอทางทีมกฎหมายจัดการต่อ น่าจะมีการเจรจาก่อน ยังไม่อยากใช้คำว่าฟ้องร้อง ปูเป็นคนจิตใจดี ไม่อยากทำอะไรไม่ดีเกี่ยวกับใครอยู่แล้ว แค่ชี้แจงในความจริง ปูทำงานในวงการนี้ มืออาชีพพอ ปูไม่มีทางเอาเรื่องไม่ดีมาพูดถึงสินค้าไหน ขอไม่พูดต่อแล้วกันเพราะชี้แจงหมดแล้ว (อ่านข่าว “ปู ไปรยา” ร่อนแถลงโต้ตอบ เปิดสาเหตุ OMEGA ปลดกลางอากาศ)”
“ถามว่าเสียความรู้สึกไหม ปูทำงาน มันคือธุรกิจ มันคือการสื่อสารกันไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกค่ะ ร่วมงานได้หรือเปล่า ก็ต้องรอดูต่อไปแล้วกันค่ะ เมื่อไหร่ที่ได้รับความคืบหน้า ปูก็จะชี้แจงอย่างเป็นทางการเหมือนคราวที่แล้ว เพราะปูจะไม่ใช้สื่อฯในการพูดถึงคนอื่นในแง่ลบเพราะมันไม่เหมาะสม ไม่เคยทำตั้งแต่ต้นและจะไม่เริ่มในวันนี้”
อัพเดทอาการป่วยของคุณพ่อ “อาการคุณพ่อตอนนี้ดีขึ้น ออกจากรพ.แล้ว คุณพ่อเข้ารพ.แล้ว 2 รอบ ผ่าตัดแล้วรอบนึง นี่เป็นรอบที่ 2 พ่อเป็นโรคหัวใจ ตอนนั้นปูอยู่นิวยอร์กก่อนงาน CFPA คืนนึง ท่านเข้ารพ.แล้วน้องชายโทรมาบอกว่าพ่อเข้าห้องผ่าตัด คนเราโตขึ้น พ่อแม่เราก็มีอายุมากขึ้น บางเราทำงานเยอะไปจนไม่มีเวลาให้ท่านเท่าที่ควรเพราะเรามัวแต่ห่วงในการดูแลเขาในด้านเงินหรือความสบาย แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือลูกสาวที่ยืนอยู่เคียงข้างเขา แต่โชคดีที่ท่านได้ตรวจพบเร็ว ได้ผ่าตัดและเปลี่ยนแปลงชีวิต พ่อจะได้อยู่กับปูนานๆ ปูรักครอบครัวมากค่ะ”
“ตอนที่กลับมาถึง เจอพ่อปุ๊บก็น้ำตาไหลเลย บอกรักเขา เฟสไทม์หาทุกวันเลย และตลอด 24 ชั่วโมงที่อยู่บนเครื่องบิน นึกอะไรไม่ออกนอกจากว่าอยากถึงรพ.เร็วๆ จริงๆแล้วคุณแม่ต้องเข้าห้องผ่าตัดก่อนอาทิตย์นึงที่คุณพ่อล้ม เป็นเดือนที่ค่อนข้างหนักสำหรับปู เป็นช่วงเวลาที่อยู่เมืองนอกต้องใช้สติแล้วก็ความเป็นผู้ใหญ่และวินัยในการทำงานสูงมาก ถือเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเหมือนกัน”
“ถามว่าต้องลดรับงานน้อยลงเพื่อดูแลครอบครัวไหม ไม่ลดค่ะ พ่อเป็นคนบอกไม่ให้บินกลับ ให้จัดการธุระให้เสร็จแล้วค่อยกลับมาหาพ่อ คือโอกาสไม่ได้วิ่งเข้าหาปู ปูมีทุกวันนี้เพราะว่าปูวิ่งเข้าหาโอกาส ตอนที่ปูเรียนจบกลับมา มีเงิน 5 หมื่นบาทในบัญชีแล้วส่งตัวเองเรียนจบ ทุกวันนี้ปูอยู่ที่นี่และมาถึงวันนี้ได้ทำงานทุกอย่าง UN, เดินพรมแดงคานส์ เพื่อจะได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวและสร้างรายได้ให้กับปู ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนนึง จากประสบการณ์ชีวิต ผู้หญิงถ้าเราไม่มีทางเลือกในวันที่เราผิดหวังมันจะเจ็บมากกว่าคนที่สามารถเลือกได้ ในฐานะเป็นตัวแทนของเยาวชน เราก็มีโอกาสที่ดีก็ควรจะทำให้เต็มที่ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำงานไม่ได้หยุดเลย แต่ปีที่ผ่านมาทำงานหนักผิดปกติ”
“ครอบครัวก็เป็นห่วงนะ แต่ปูบอกว่าจะวิ่งมาราธอนให้จบ ก็วิ่งให้เขาเห็น บอกว่าจะทำงานสังคมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้ ปูก็ทำจนถึงวันที่ปูสิ้นลมหายใจ อีกอย่างที่ปูอยากทำคืออยากทำตามความฝันที่ประเทศให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ถามถึงเรื่องความสัมพันธ์กับ “แมทธิว”หนุ่มคนสนิท “อันนี้อยากจะชี้แจง เรื่องโหมงาน ใน 8 เดือนที่ผ่านมาปูงานค่อนข้างหนัก ในฐานะที่ทำงานด้านมนุษยธรรม ด้านสังคมและทุกอย่าง ปูทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดี แต่ในฐานะคนรักหรือในฐานะเพื่อน ปูทำไม่ดีเท่าที่ควร คุณแมทได้พยายามสื่อกับปูมาหลายเดือนแล้วว่าเราเย็นชาและโหมงานหนัก แต่ก็อธิบายเขาว่าเราเป็นคนที่เลี้ยงดูตัวเองมาโดยตลอด ต้องอาศัยอาชีพนี้เพื่อทำความฝันและเลี้ยงดูตัวเอง คุณแมทก็จะวางงานของเขาหลังจากที่งานปูประสบความสำเร็จ เขาหมดหนทางที่จะสื่อกับปูแล้วว่าจะทำยังไงให้เข้าใจว่าชีวิตเราเป็นมนุษย์ ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องสตรองตลอดเวลา วงการบันเทิงไทยจะสอนให้ตอบเรื่องความรักว่าดูใจกัน คุยกัน ซึ่งเขาก็อ่านบทสัมภาษณ์ปูด้วย เขาก็สอนปูว่าเราประสบความสำเร็จแต่ขาดคนที่รักเรามันจะไม่มีความสุข ในเหตุการณ์ที่เขาลบรูปคือเขาพยายามสื่อกับปูให้ปูตื่น (ยิ้ม) มันอยู่ตัวปูที่จะแก้ไขและรับผิดชอบในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่ปู ไปรยา ว่าจริงๆแล้วความสัมพันธ์เราเป็น “แฟน” กันค่ะ เราก็รักกันมาสักพักนึงแล้ว I love you. ตอนนี้เขาก็น่าดีใจ ที่เขาไม่ได้มาเมืองไทยเพราะเขาคิดว่าปูจะย้าย เพราะงานปูรุ่ง แต่ด้วยอาชีพปูก็ยังต้องรับงานที่นี่อยู่ เดี๋ยวเขาก็จะมาค่ะ”
“ถามว่าบ้างานจริงไหม หนักและความรับผิดชอบเยอะ ปูปฏิเสธงานไม่เป็นเพราะเราเคยมีวันที่งานไม่เคยติดต่อหาปูเลย ในวันที่ภาพลักษณ์ปูไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้ แทบจะดิ้นรนหางานและให้คนสัมภาษณ์ จนวันนี้มีคนติดต่อและอยากสัมภาษณ์ปู มันไม่มีทางที่จะปฏิเสธ แต่ข้อเสียตรงนี้คือเราอย่าลืมว่าเป็นมนุษย์ เราเป็นผู้หญิงเราก็อยากมีครอบครัวและความรัก นั่นคือสิ่งที่คุณแมทสอนปู ถึงได้กล้าออกมารับผิดชอบเวลาเราผิดพลาดกับคนที่เรารักก็รับผิดชอบซะ”
“เราก็มองอนาคต แต่มันอยู่ที่ว่าเราจะแก้ไขและรับผิดชอบความเป็นผู้หญิงของปู ผู้หญิงที่สตรองไม่ใช่ผู้หญิงที่ปฏิเสธอย่างเดียว แต่เป็นผู้หญิงที่เผชิญหน้ากับความจริงและรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ เลี้ยงดูตัวเองได้ กล้าที่จะเลือกและพูดในสิ่งที่ไม่ทำร้ายใคร ความสัมพันธ์ตอนนี้ก็กลับมาเหมือนเดิมแล้วค่ะ เขาก็สำคัญพอๆ กับครอบครัวและงานของปูค่ะ”