เป็นเรื่องไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้น สำหรับครอบครัวของนักแสดงสาว น้ำตาล-บุตรศรัณย์ ทองชิว หรือน้ำตาล เดอะสตาร์ 5 ที่เจ้าตัวเกิดภาวะป่วยมีเลือดออกปากและจมูก และมีภาวะหายใจไม่สะดวกจนต้องมีการปั๊มหัวใจที่บ้าน และหมดสติลงในที่สุด
โดยงานนี้ นายวิโรจน์ ทองชิว คุณพ่อของสาวน้ำตาล ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนด้วยเสียงที่สั่นเครือและมีน้ำตาคลอตลอดการพูดคุยถึงการเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ตอนนั้นผมเขียนรูปอยู่ที่บ้าน และปกติโทรศัพท์อีกเครื่อง คือเปิดไม่ติด มันเสื่อมแล้ว และก็วางไว้เฉยๆ แต่อยู่ดีๆ ก็มีคนโทรเข้ามา โทรติดอ่ะ คือหมู (แม่น้ำตาล) โทรเข้ามา ก็รับสายฮัลโหลว่าไงคุณ น้ำเสียงแบบนิ่มๆ บอกว่าน้ำตาลไม่หายใจ เราก็ถามกลับไปว่าเป็นอะไร ทางปลายสายก็บอกว่าเลือดออก พอได้ยินว่าไม่หายใจ เราเลยบอกว่ารอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวรีบกลับไป จากโรงงานกลับไปบ้านประมาณ 500 เมตร ไม่ไกลมาก พอไปถึงก็เรียกรถพยาบาลมารับ มาถึงห้องไอซียู เขาก็ไม่ให้เราเข้า ขนาดเสื้อผ้าเมื่อวานยังอยู่ในนี้เลย (แล้วชี้ไปที่ถุงใส่กระดาษ)”
“ตอนที่เราไปถึง เลือดเขาออกมาก เพราะแม่เล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเรื่อง กินข้าวเสร็จแล้วออกไปถ่ายรูป ส่งให้ช่องวันทำโปรไฟล์ เป็นการอัปเดตโปรไฟล์ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย หลังจากกินข้าวเสร็จไม่นาน ก็เกิดเรื่องและก่อนหน้านั้นวันจันทร์ไปกินส้มตำ ก็ยังดีๆ อยู่เลย และที่เป็นห่วงก็คือเขาหยุดหายใจ ตอนแรกที่บ้าน และอีกครั้งตอนที่โรงพยาบาล ตอนที่อยู่ที่โน่นรวมถึงวันนี้ ยังไม่รู้เลยว่าน้ำตาลเป็นอะไร รู้อย่างเดียวว่าเลือดออกจากปาก และเมื่อเช้าหมอที่ไปรับตัวน้ำตาลมาก็สันนิฐานว่าเลือดน่าจะออกมาจากช่วงคอมากกว่าออกมาจากปอด”
มันน่าจะปลอดภัยกว่าการที่ออกปอดไหม ?
“คือเลือดมันลงไปในปอดไปในกระเพาะ ซึ่งน้ำตาลตอนเด็กประมาณ 8-9 ขวบ เขาเป็นเด็กที่มีเลือดกำเดาไหลออกมาเยอะมาก และค่อนข้างบ่อย ในบรรดาพี่น้อง 3 คน น้ำผึ้ง น้ำตาล น้ำทิพย์”
แต่ไม่เคยรุนแรงถึงขนาดนี้ ?
“ก็เอาอยู่ โชคดีคือลูก 3 คน อยู่กับแม่ตลอดก็เลยไม่ได้ห่วงอะไร ซึ่งน้ำตาลไม่มีอาการบ่งบอกและไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน”
แสดงว่าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้น้ำตาลก็ยังสื่อสารอะไรไม่ได้ ?
“ยังไม่ฟื้น ยังไม่ได้ตอบสนองอะไรกับเราเลย ตั้งแต่หมดสติที่บ้าน ซึ่งมาถึงที่นี่แล้วพ่อก็ยังไม่ได้เข้าไปดูน้องเลยให้หมอจัดการนู่นนี่ รอให้ชัดๆ ก่อน”
คุณพ่อกับคุณแม่ให้กำลังใจกันยังไงบ้าง ?
“ก็อยู่ด้วยกัน สวดมนต์มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนก็ขอพร ก็ทำได้เท่านี้ เมื่อเพื่อนๆ อยู่กันเป็นสิบคนก็มานั่งสวดมนต์ มีไลน์ส่งบทสวดมนต์ถอยหลังกัน ช่วยกันต่างคนต่างสวด ช่วงที่อาจารย์หมอมาก็สวดขอให้ปลอดภัย”
คุณพ่อกังวลอะไรไหม ?
“เรารู้แล้วไม่กังวล เพราะว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมเป็นห่วงคนที่อยู่ เอาจริงๆ ตอนนี้น้ำตาลเขานิ่งไม่รู้อะไร เราก็รู้สึกไปเองว่าสงสาร แต่เราสงสารคนรอบข้าง สงสารแม่เขา เพราะเขาอยู่คู่กัน แต่ตอนนี้อยู่คนเดียว อย่างคนเล็กก็อยู่ต่างประเทศ เรายังไม่ได้บอกเขาหมด เพราะถ้ารู้ทางโน้นก็คงแย่ แต่เชื่อว่าเดี๋ยวเขาก็คงรู้เพราะว่าข่าวออกไปแล้ว”
ณ ตอนนี้คือรอสรุปอาการจากคุณหมออย่างเดียว ?
“ใช่ครับ รอคำพูดชัดๆ ว่าน้องเป็นอะไร และรอดูอาการน้ำตาล ให้เราเห็นว่าเป็นยังไง แล้วเราจะได้รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป”
สภาพจิตใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?
“พยายามอยู่นิ่งๆ แต่เรารู้สึกไม่ดี คนที่ควรจะไปก่อนน่าจะเป็นเรา เพราะเขายังเด็ก (เสียงสั่นน้ำตาคลอ) แค่นั้นเอง น้องเขาอายุ 28 เอง”
น้องน้ำตาลไปอยู่บ้านทำธุรกิจอะไร ?
“ทำป้ายโฆษณา ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผมทำมาก่อน แต่พอผมมาทำหนังก็ไม่ได้เอา แล้วน้ำตาลกับแม่อยากทำ”
เหมือนว่าตอนนี้น้องอยากกลับเข้ามาทำงานในวงการ ?
“มีคนเข้ามาชวนเขาเรื่อยๆ เขาอยากอยากทำตามความฝันของเขา ไม่ได้คิดอะไรใหญ่โต ที่บ้านก็ซัพพอร์ต แต่มาถึงช่วงนี้ก็อยากเข้าวงการ จะไปถ่ายรูปโปรไฟล์ เราก็บอกว่าทำไมหนูไม่ทำเพลงเยอะ ยุคนี้มันยุคอินดี้ ทำได้อยู่แล้ว หรือว่าเล่นละครเล่นหนัง เพราะว่าคนที่อยากดูเรามีอยู่เขาก็เฉยๆ”
.